วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

Past Perfect เป็นอย่างไร ไปดูกันเลยยยยย


เทคนิคการอ่านแบบ Scanning และ Skimming


การอ่านแบบสกิมมิ่ง (Skimming)
คือการอ่านข้อความอย่างเร็ว ๆ เป็นจุด ๆ เช่น อ่าน 2-3 คำแรก หรือ 2-3 ประโยคแรกแล้วข้ามไป อาจข้ามเป็นประโยคหรือเป็นบรรทัด หรืออ่านเฉพาะประโยค แรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า หรืออ่านเฉพาะคำหรือวลีที่สำคัญ ๆ การอ่านแบบนี้มี จุดมุ่งหมายหลัก 2 ประการ คือ อ่านเพื่อเก็บประเด็นหรือใจความสำคัญ และอ่านเพื่อเก็บ รายละเอียดที่สำคัญบางอย่าง
การอ่านแบบสกิมมิ่งมีประโยชน์ที่จะช่วยประหยัดเวลาในการอ่าน เพราะช่วยให้ ผู้อ่านอ่านเรื่องต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และเข้าใจใจความสำคัญที่อ่านได้โดยไม่จำเป็นต้องอ่าน รายละเอียดตลอดทั้งเรื่อง

การอ่านแบบสแกนนิ่ง (Scanning)
จะเป็นวิธีการหาข้อมูลเฉพาะ เช่น ตัวเลข วันที่ สถานที่ ชื่อคน เป็นต้น จะเป็นข้อมูลที่ปรากฏให้ผู้อ่านเห็นได้อย่างชัดเจนในบทอ่าน โดยถ้าในคำถาม ถามถึงสถานที่ ก็ให้กวาดสายตาไล่ดูแต่คำที่หมายถึงสถานที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่เฉพาะ เป็นชื่อเฉพาะ ดังนั้นต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่แน่นอน (แต่อย่างที่ได้ระบุไว้ข้างต้นว่า ผู้อ่านต้องทราบคำศัพท์พอสมควร เพราะคำที่ขึ้นต้นด้วยอักษรใหญ่ทุกตัว ไม่ได้หมายถึงสถานที่เฉพาะทุกตัว อาจจะหมายถึงชื่อคนหรือชื่อเมืองหรือชื่อถนน ขึ้นอยู่กับความรู้รอบตัวของแต่ละบุคคลด้วย)
ความแตกต่างของวิธีการอ่านสองวิธีนี้คือ
Skimming – เห็นใจความสำคัญของบทอ่าน มองเห็นภาพรวมแบบคร่าวๆ ว่าบทอ่านนั้นเกี่ยวกับอะไร
Scanning – หาข้อมูลเฉพาะ

** ดังนั้นวิธีการทั้งสองวิธีการนี้ จะเป็นประโยชน์ในการทำข้อสอบส่วนการอ่านมากกับผู้อ่านที่ทราบคำศัพท์พอสมควร แล้ว และจะช่วยให้หาคำตอบได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยการฝึกทำบ่อยๆ ถ้าหากอยากจะให้ทักษะทางการอ่านพัฒนา ก็ควรฝึกทำทุกวัน



โครงสร้าง Past Perfect Tense



 ** เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างประโยค เราก็สามารถสร้างประโยคที่ถูกต้องได้ :)


หลักการใช้ Past Perfect Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่ เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์ โดย…
     
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อน จะใช้ Past Perfect Tense 

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลัง จะใช้ Past Simple Tense 

    We had gone out before he came.
    (เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)
     
  2. Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า before, after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time, by… (เช่น by this month) และอื่นๆ โดยจะมีอาจวิธีการใช้ต่างกันไป เช่น
 
  • Before + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น
 
Before I went to the school, I had had a car accident.
(ก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)
 
  • After + Past Perfect Tense + Past Simple Tense เช่น
 
After I had finished my homework, I went to the Internet Café.
(หลังจากที่ฉันทำการบ้านเสร็จ ฉันก็ไปยังร้านอินเตอร์เน็ต)
 
  • By the time + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น
 
By the time he came here, I already had finished my dinner.
(ตอนที่เขามาถึง ฉันก็กินข้าวมื้อเย็นของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว